[Two Shot] – เสน่หาร้อยมารยา (SayaMilky) – (1)
แสงแดดที่ส่องเข้ามาแทงตาทำให้ฉันต้องยอมแพ้และทิ้งเตียงนุ่มในที่สุด แต่เพราะเมื่อคืนมีแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวนิดหน่อยการทรงตัวเช้านี้จึงไม่เป็นดังใจนัก สุดท้ายก็พาร่างเปลือย ๆ ของตัวเองมาถึงห้องน้ำจนได้ และขอขอบคุณมุมโต๊ะสำหรับความเจ็บที่เท้าเช้านี้ด้วย
“…” ฉันอยากจะตะโกนอะไรสักอย่างเมื่อตอนที่เท้าเกิดแรงดึงดูดกับมุมโต๊ะ แต่เพราะมันเจ็บมากจนน้ำตาจะไหลก็เลยแค่กัดฟันเอาไว้
หลังอาบน้ำเสร็จก็ลากตัวเองมานั่งจัดการกับผมซอยสั้นโดยไม่ลืมที่จะระวังมุมโต๊ะตอนเดินผ่าน ระหว่างนั้นก็มีเสียงแจ้งเตือนจากอุปกรณ์สื่อสารดังขึ้นมาปัญหาคือมันอยู่ตรงไหน
จากสภาพห้องมีหนึ่งคำถามผุดขึ้นมา ฉันเมาจนทำห้องเละขนาดนี้เลยเหรอ นึกทึ่งตัวเองขณะเดินเก็บเสื้อผ้าที่กระจายไปทั่วรอบเตียง และนั่นฉันเจออุปกรณ์สื่อสารของตัวเองนอนนิ่งอยู่ใต้โต๊ะเขียนหนังสือ พอเปิดดูก็พบข้อความที่ทำให้ฉันอมยิ้ม
“อรุณสวัสดิ์คุณยามาโมโตะ … ฉันมีธุระต้องออกมาก่อน เรื่องรอยนั่นขอโทษนะคะ(ยิ้ม)”
รอยแดงตามตัวจากเมื่อคืนโดยวาตานาเบะ มิยูกิหญิงสาวผมยาวสลวยท่าทางมั่นใจและมีหนุ่ม ๆ เดินเข้าหาอย่างไม่ขาดสายในงานปาร์ตี้ที่ฉันไปพักผ่อน จำไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงเข้ามาหาฉัน เราสองคนมีเรื่องคุยกันนิดหน่อย ยังจำได้แม่นตอนที่เธอเอียงตัวเข้ามากระซิบบอกชื่อตัวเองมือที่แตะไหล่ฉัน รอยยิ้มสบาย ๆ แต่น่าสนใจมันทำให้สุดท้ายเรามาคุยกันต่อที่ห้องฉัน
วาตานาเบะเป็นใคร ที่จริงฉันแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอนัก เธอเข้ามาชวนคุยและฉันก็นึกสนุกไปด้วยถึงแม้ฉันจะไม่รู้อะไรเลย อาจเป็นผลข้างเคียงจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ฉันดื่มเข้าไปค่อนข้างมาก แน่นอนจำไม่ได้ว่าคุยเรื่องอะไรกันบ้าง รู้ก็แต่ตอนนั้นวาตานาเบะน่าสนใจ หรืออาจจะเป็นฉันที่สนใจเธอตั้งแต่แรกที่เห็นแล้วก็ได้
ฉันกับวาตานาเบะเข้ากันได้ดีทีเดียวนะบนเตียงและความน่าสนใจของเธอก็เพิ่มเป็นทวีคูณ ทั้งขี้เล่นและเอาใจเก่งเหมือนรู้ว่าฉันต้องการอะไร แต่สิ่งที่ฉันแปลกใจก็คือดวงตา วาตานาเบะมีความไม่แน่ใจอะไรบางอย่างซึ่งเธอพยายามซ่อนมันเอาไว้ด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ซุกซนและการกระทำหลายอย่างที่สร้างรอยแดงไปทั่วตัวฉัน หรือเธอมีเจ้าของอยู่แล้วและการทำแบบนี้อาจทำให้เธอรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ไม่น่าใช่เพราะเธอก็เข้ามาหาฉันก่อน เธอเองก็ต้องการสิ่งเดียวกับที่ฉันต้องการแล้วจะมาทำสายตาแบบนั้นทำไม
ฉันตกใจเมื่ออุปกรณ์สื่อสารดังขึ้นอีกครั้งมันทำให้ฉันเลิกคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องเมื่อคืน ปลายสายเป็นเพื่อนสนิทที่ทำงานด้วยกัน
“ไงซายากะ เมื่อคืนโทรไปไม่รับเลยนะ”
“ฉันไปปาร์ตี้มานิดหน่อยน่ะยุย โทษที”
โยโกยามะ ยุย โทรมารายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีที่ฉันกำลังติดตามอยู่และย้ำให้ฉันเข้าประชุมในวันจันทร์ด้วยเพราะหัวหน้าทีมงานที่รับผิดชอบคดีนี้จะเข้าประชุมกันทุกคน ฉันยามาโมโตะ ซายากะ เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้าของผิดกฎหมายระหว่างประเทศ
ฉันเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าใบน้อยอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าเมื่อคืนรุนแรงเกินไปหรือเปล่าก่อนจะออกมาจากห้องก็เพิ่งเห็นชัด ๆ เหมือนกันว่าไปทำให้เขามีรอยแดงทั่วตัว ฉันตรวจความเรียบร้อยของเอกสารในมืออย่างถี่ถ้วนอีกครั้งเพราะไม่อยากจะให้เกิดข้อผิดพลาดอะไรสำหรับการมาพบเจ้านายในวันหยุดอย่างกะทันหันแบบนี้ ทั้งที่ความจริงฉันควรจะได้อยู่กับสาวตาหวานคนเมื่อคืนอีกสักหน่อย
“คุณมัตสึอิรอคุณอยู่ที่สวนหลังบ้านค่ะ” แม่บ้านที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะฉันมาบ้านนี้บ่อย เธอมาต้อนรับอย่างเคยและพาฉันเดินไปสวนที่ว่านั่น เจ้านายของฉันกำลังดื่มชาและเล่นกับสัตว์เลี้ยงของเธอ
มัตสึอิ เรนะเป็นคนสวยสง่าเหมือนเจ้าหญิงด้วยรูปร่างผอมสูงนั่น ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนช่วยทำให้ขับความขาวบนใบหน้าของเธอมากยิ่งขึ้น เธอสุขุมใจเย็นแต่ก็ดื้อรั้นมากแทบจะตรงข้ามกับความสุขุมที่เธอมีฉันรู้เรื่องนั้นดีเพราะทำงานกับเธอมาได้พักใหญ่แล้ว ลูกน้องคนก่อน ไม่สามารถรับมือกับมัตสึอิเวลาที่เธอดื้อได้
“คุณวาตานาเบะมาถึงแล้วค่ะ” มัตสึอิเพียงแค่ชำเลืองมอง
“คุณมัตสึมูระ ฉันรบกวนให้คุณจัดการตรงนี้ด้วย เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปห้องทำงานสักหน่อย ขอบคุณค่ะ” มัตสึอิหันไปหยอกล้อสุนัขของเธอเป็นการร่ำลา
ฉันเดินตามเจ้านายมาจนถึงห้องทำงานเรียบง่ายไม่ได้ตกแต่งอะไรเป็นพิเศษ ด้วยว่ามัตสึเองก็เป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ อุปกรณ์ในห้องจึงเป็นชนิดที่ไม่เน้นความหรูหราอะไร เมื่อพ้นสายตาคนอื่น ๆ มัตสึอิก็เปิดฉากทันที
“เมื่อคืนไปอยู่กับใคร” คำถามที่เดาออกได้ไม่ยากว่ามัตสึอิรู้เรื่องฉันกับสาวตาหวานคนเมื่อคืน เธอที่พยายามเก็บอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างเห็นได้ชัด ฉันค่อย ๆ เดินเข้าไปและเอาเอกสารที่ตอนนี้อีกคนคงไม่สนใจแล้ววางบนโต๊ะทำงาน จากนั้นก็ไปทิ้งก้นบนตักของมัตสึอิ ตอนนี้เธอกำลังหงุดหงิดแน่นอน
“เดี๋ยวนี้ฉันอยู่ในสายตาของเรนะตลอด แต่มันไม่ดีน้าแบบนั้นน่ะ”
“ไปเที่ยวฉันไม่ว่า แต่ไป…” ฉันไม่ได้รอให้มัตสึอิพูดจบก็ชิงจูบปิดปากโทษฐานที่พูดมากและถึงขั้นส่งคนติดตามฉันแบบนั้น
“ฉันเป็นแค่เลขา ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้ โอเคมั้ย”
“นอนกับเขาใช่มั้ย” มัตสึอิคนดื้อยังไม่ยอมแพ้ที่จะคาดคั้นความจริงจากฉัน
“ทำไมคราวนี้ถึงได้สงสัยอะไรขนาดนั้น ปกติฉันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว”
“ปกติมิลกี้จะเข้าหาผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง ฉันเป็นเพียงคนเดียวที่เธอเข้าหา มิลกี้ถูกใจเขาใช่มั้ย”
“ก็แค่สนุก ๆ น่ะ…ไม่เอาน่าอย่าทำหน้าแบบนั้น เรนะเองก็ทำเหมือนกันกับฉันไม่ใช่เหรอ กี่ครั้งแล้วที่ทะเลาะกับคุณจูรินะ” ฉันพยายามบอกเหตุผลขณะที่เอามือจิ้มไปยังคางบุ๋ม ๆ ของเธอ คนดื้อแบบนี้ก็น่ารักดี ถึงแม้คราวนี้เธอจะทำเลยเถิดไปหน่อยก็เถอะ
“แต่ฉันหวงมิลกี้นะ เขาเป็นใคร” มัตสึอิรวบมือของฉันออกจากคาง ดูสิทำแววตาจริงจังจนฉันเกือบจะใจอ่อน
“อ๊ะ ๆ เราตกลงกันไว้แล้วนะว่าระหว่างเราคืออะไร เราจะไม่ผูกมัดกันนะคะ”
“แต่ฉัน…”
“ไม่มีแต่ค่ะคนดี ถ้าอย่างนั้นวันนี้ฉันจะยอมให้ทำโทษสำหรับเรื่องเมื่อคืนเป็นกรณีพิเศษเลยดีมั้ย” ฉันก้มตัวลงไปกอดแล้วกระซิบกับเจ้านายเบา ๆ
ถึงแม้มัตสึอิจะยังไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ แต่พอฉันแกล้งยั่วนิด ๆ หน่อย ๆ เจ้านายคนนี้ก็ยิ้มแล้วลุกเดินตามฉันมาที่โซฟาจนได้
“ล็อกห้องหรือยังเรนะ” พอนึกได้ว่านี่คือห้องทำงานก็เอามือยั้งมัตสึอิซึ่งกำลังง่วนกับกระดุมที่เสื้อของฉันไว้ก่อน
“ล็อกแล้ว เพราะรู้ว่าจะต้องได้ทำโทษเลขาตัวเอง” คำตอบจากมัตสึอิทำให้ฉันปล่อยมือจากเธอและยอมให้เธอทำโทษได้ตามสบาย
ต่อให้พยายามทำเป็นเฉยกับคนที่ชอบโผล่เข้ามาในหัวเท่าไร แต่สุดท้ายฉันก็ยอมรับว่านึกถึงวาตานาเบะ มิยูกิอยู่บ่อย ๆ นี่ก็ผ่านไปสองอาทิตย์แล้วตั้งแต่ที่เจอกัน เราติดต่อกันทางไลน์ซะส่วนมาก ฉันไม่ค่อยได้โทรไปหาไม่อยากให้คิดว่าสนใจเธอจนเกินไป ที่ไม่น่าเชื่อกว่าคือฉันดันส่งข้อความไปชวนเธอออกมากินข้าวในวันหนึ่ง แต่สุดท้ายก็โดนปฏิเสธกลับมา วาตานาเบะ มิยูกิบอกว่าเธองานยุ่งมากจนไม่สามารถจะปลีกตัวมาหาได้ อีกทั้งยังโดนเจ้านายใช้งานหนัก สวย ๆ แบบนั้นทำงานทำการอะไร พูดก็พูดเธอไม่น่าจะโดนใช้งานหนักลักษณะท่าทางอ้อนเก่ง เจ้านายหน้าไหนก็คงหลงหัวปักหัวปำมากกว่า
(เสียงโทรศัพท์ดัง)
“สวัสดีค่ะ” ฉันกำลังจะไขประตูเข้าห้อง
“ทำน้ำเสียงดุแบบนั้นกับฉันได้ยังไง ว่าจะชวนไปกินข้าว” ปลายสายท่าทางจะขำ
“ก็ไม่ได้ดุอะไร เสียงฉันก็แบบนี้”
“นี่พอว่างฉันก็โทรหายามาโมโตะทันที ดูไม่ค่อยดีใจเลย ไม่ดีใจเหรอ”
“ก็ไม่ได้ดีใจอะไร”
“เหรอ ตอนเมาไม่เห็นซึนแบบนี้…ถ้าอย่างนั้นเรื่องกินข้าวไม่ต้องก็ได้เนอะ”
“เดี๋ยวออกไป ขอเก็บของที่ห้องก่อน”
“อ๊ะ ห้องรกไม่เป็นไรนะฉันไม่ถือ กับยามาโมโตะจะยังไงก็ได้ทั้งนั้น”
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย แล้วพูดแบบนั้นหมายความว่าอะไร” วาตานาเบะหัวเราะคิกคักไม่ตอบและเปลี่ยนเรื่องโดยการบอกร้านที่เธอนัดฉันไปกินข้าวกันเย็นนี้แทน
แปลกดีที่ฉันเพิ่งได้เจอกับวาตานาเบะแต่กลับชอบที่จะคุยกับเธอ ไม่ได้ว่าฉันคุยน้ำไหลไฟดับอะไรแต่มันเป็นการคุยไปเรื่อย ๆ ไม่จำเป็นต้องหาความสำคัญอะไรจากเรื่องที่เราสองคนคุยกัน บางเรื่องก็ดูจะไร้สาระด้วยซ้ำ หรือความจริงแล้วคือฉันกำลังเบื่อกับหลาย ๆ เรื่องที่ต้องจริงจัง งานที่ต้องรับผิดชอบ ความเครียดทั้งหมด ฉันไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้นเมื่ออยู่กับวาตานาเบะ มิยูกิ เธอขอเรียกฉันด้วยชื่อ ฉันก็เลยขอเรียกเธอด้วยชื่อเหมือนกัน
หลังกินข้าวเสร็จเราสองคนมาเดินเล่นในสวนสาธารณะ มิยูกิอ้างว่ายังไม่อยากกลับเท่าไร ถึงแม้ว่าตอนนี้จะล่วงเลยมาจนสามทุ่มกว่า เธอเดินนำฉันอยู่ไม่ไกลแล้วก็หันมาส่งสายตาให้ จู่ ๆ มิยูกิก็เข้ามากระซิบเหมือนตอนที่เราเจอกันครั้งแรก
“ซายากะอยากให้ฉันกลับเหรอ ไม่อยากให้ฉันอยู่ต่อหรือไง ฉันอยากอยู่กับซายากะต่อนะ” กลิ่นหอมจากเธอ น้ำเสียงนุ่มที่ข้างหูแบบนั้น ทำให้ฉันดึงข้อมือเธอเอาไว้ ฉันจ้องเธอหนักแน่น
แต่ฉันก็ไม่ทันจะได้พูดอะไรเพราะเธอขอตัวไปรับโทรศัพท์ สีหน้าเปลี่ยนไปแทบจะทันทีเมื่อหยิบเอาอุปกรณ์สื่อสารของตัวเองขึ้นมาในระยะที่สายตาเห็นหน้าจออุปกรณ์
ยามาโมโตะ ซายากะต้องกำลังจะพูดอะไรสักอย่างกับฉันแน่ แต่เพราะโทรศัพท์ดันดังขึ้นมาขัดจังหวะ ยิ่งหน้าจอแสดงชื่อมัตสึอิ เรนะด้วยแล้วก็เลยต้องแยกตัวออกมาคุยไกล ๆ คราวก่อนที่ย้ำไปจะเข้าใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ว่าฉันกับมัตสึอิเราไม่ผูกมัดอะไรกันต่างคนต่างสนุก
“วาตานาเบะค่ะ” ฉันหันไปเช็คว่าซายากะไม่ได้ตามมาก่อนจะรับสาย
“มิลกี้ ขอโทษที่รบกวนค่ะ”
หมายเหตุ : เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อแซะซายามิลกี้เท่านั้น
[Two Shot] – เสน่หาร้อยมารยา (SayaMilky) – (1)